เมืองท่าขนุน


ละติจูด 14.7366206766 , ลองจิจูด 98.6469461419

พิกัด

ตำบลท่าขนุน อำเภออำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี รหัสไปรษณีย์ 71180

ประเภทแหล่งศิลปกรรมฯ

ชุมชนโบราณ เมืองโบราณ อุทยานประวัติศาสตร์

ความสำคัญ/ลักษณะ

ในสมัยโบราณอำเภอทองผาภูมิเคยเป็นเส้นทางเดินทัพบกโดยปรากฎชื่อเมืองท่าขนุน ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านท่าขนุน ตำบลท่าขนุน ต่อมาทางราชการให้ฐานะเป็น กิ่งอำเภอสังขละบุรี ขึ้นกับอำเภอวังกะ จนกระทั่งในวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2482 จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อกิ่งอำเภอสังขละบุรีเป็น กิ่งอำเภอทองผาภูมิ ส่วนอำเภอวังกะที่กิ่งอำเภอขึ้นตรงนั้นได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น "อำเภอสังขละบุรี" แทนต่อมาจึงได้มีการยกฐานะกิ่งอำเภอนี้ขึ้นมาเป็น อำเภอทองผาภูมิ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2484ซึ่งในขณะเดียวกันอำเภอสังขละบุรีได้ถูกยุบลงเป็นกิ่งอำเภอสังขละบุรีอีกด้วย

วัดท่าขนุน หรือที่ชาวทองผาภูมิรู้จักกันในนามชื่อ "วัดหลวงปู่สาย" ศาสน สถานแห่งนี้มีความสำคัญต่อพระพุทธศาสนา รวมถึงประชาชนชาวไทยเชื้อสายมอญ พม่า และกะเหรี่ยง ที่เลื่อมใสศรัทธาตลอดมา สร้างขึ้นครั้ง พ.ศ. 2473 สิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นปูชนียสถานสำคัญคือ พระอุโบสถคอนครีตเสริมเหล็ก พระพุทธเจติยคีรี สร้างจากศิลปะพม่า รวมทั้งพระเจดีย์ 80 พรรษา เดิมเป็นที่ดินของตระกูลนกเล็กได้ถวายแก่ หลวงปู่พุก อุตฺตมปาโล เพื่อสร้างวัด เมื่อหลวงปู่พุกมรณภาพ พระอาจารย์ไตแนม ซึ่งเป็นชาวกะเหรี่ยง เป็นเจ้าอาวาสบูรณะพัฒนาวัดโดยการสร้างมณฑปพระพุทธบาท ผู้ให้ความอุปถัมภ์คือ ผู้ใหญ่บ้านทม หงสาวดี เมื่อพระอาจารย์ไตแนมมรณภาพลง วัดท่าขนุนได้กลายเป็นวัดร้างไปชั่วระยะหนึ่ง จนกระทั่ง หลวงปู่สาย อคฺควํโส (พระครูสุวรรณเสลาภรณ์) เดิน ธุดงค์มาจากจังหวัดนครสวรรค์ และปักกลดพักที่วัดร้าง ชาวบ้านเห็นวัตรปฏิบัติอันเคร่งครัดของท่าน จึงได้นิมนต์ท่านอยู่จำพรรษา และพัฒนาวัดสร้างเสนาสนะเพิ่มขึ้น จนกลายเป็นวัดประจำอำเภอทองผาภูมิมาจนทุกวันนี้ ซึ่งท่านเป็นพระนัก ปฏิบัติธรรมที่มีชื่อเสียงองค์หนึ่งของอำเภอทองผาภูมิ เป็นพระที่มีความสำคัญในด้านการอบรมคุณธรรมจริยธรรมให้แก่ประชาชนทั่วไป และ เนื่องจากหลวงพ่อสายเป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้าน จึงมีการสร้างกุฏิขึ้นเพื่อเก็บสังขารของท่านซึ่งไม่เน่าเปื่อยไว้โลงแก้ว เพื่อให้ผู้นับถือศรัทธาแสดงความเคารพ จึงว่ากันว่าหากใครเดินทางมาทองผาภูมิ แล้วไม่มานมัสการหลวงพ่อสายที่วัดท่าขนุนก็เหมือนกับเดินทางมาไม่ถึงทองผาภูมิ และเมื่อปีพ.ศ. 2545 พระราชธรรมโสภณ รักษาการเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีบัญชาให้ พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ พระนักปฏิบัติและนักพัฒนา ลูกศิษย์สายหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร หรือ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) วัดท่าซุง มาพัฒนาวัดท่าขนุน ให้มีเสนาสนะที่สมบูรณ์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนองค์ปัจจุบัน ซึ่งท่านมีแนวคิดพัฒนาวัด คือ ใครมาวัดต้อง "ได้อะไร" กลับไป ไม่ว่าจะเป็นวัตถุหรือแนวคิด ทางโลกหรือทางธรรม แม้เมื่อสิ้นหลวงปู่สายแล้ว พระที่วัดซึ่งคงศีลาจารวัตรอันงดงามตามรอยหลวปู่เป็นอย่างดี ก็ยังคงเป็นที่นับถือของชาวบ้านมาจนปัจจุบัน

จุดเด่นของวัด ได้แก่ พระพุทธเจติยคีรี ที่่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาสูง ต้องเดินขึ้นบันไดกว่า 1,237 ขั้น จึงจะถึงยอดเขาที่ตั้งของเจดีย์ เป็นจุดชมวิวมุมสูงของอำเภอทองผาภูมิ สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่ร่มรื่นเขียวขจีได้ทั่ว และบริเวณฝั่งตรงข้ามวัด ยังมีรอยพระพุทธบาท ซึ่งจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของวัดท่าขนุน ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ที่ต้องเดินขึ้นบันได จำนวน 1,173 ขั้น เพื่อนมัสการรอยพระพุทธบาท และยังได้เห็นเจดีย์ฝั่งตรงข้ามที่สวยงามไม่แพ้กัน

สถานการณ์สิ่งแวดล้อม

-

แก้ไขเมื่อ

2019-04-04

ข้อมูลสถิติ
หน่วยอนุรักษ์ฯ
ภาพประจำแหล่งศิลปกรรม
แผนงานและโครงการ
การเสนอแผนงานโครงการ
ปี แผนงาน ชื่อโครงการ รายละเอียด งบประมาณ เอกสาร สถานะ
รายงานผลการดำเนินงานตามแผนงานโครงการ
ปี แผนงาน ชื่อโครงการ งบประมาณ วันที่รายงาน เอกสาร