วัดโบสถ์


ละติจูด 14.113882 , ลองจิจูด 100.540267

พิกัด

ตั้งอยู่เลขที่ เลขที่ 15 หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านกลาง อำเภออำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี รหัสไปรษณีย์ 12000

ประเภทแหล่งศิลปกรรมฯ

วัด วัดร้าง ศาสนสถาน

ความสำคัญ/ลักษณะ

             วัดโบสถ์ ตั้งอยู่ที่เลขที่ 15 หมู่ 1 ตำบลบางกระบือ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ห่างจากที่ว่าการอำเภอสามโคกเป็นระยะทาง 7 กิโลเมตร มีถนน สายสามโคกท้ายเกาะใหญ่ผ่านวัดโบสถ์ วัดโบสถ์เป็นวัดโบราณสมัยอยุธยาเป็นราชธานี มีชื่อเดิม ว่า “วัดสร้อยนางหงส์" คู่กับวัดกร่างซึ่งชื่อเดิมว่า "วัดคงคารา” โดยมีชุมชนโบราณโคกยายมั่นอยู่ ตรงกลางระหว่างสองวัดนี้ซึ่งขุดพบหลักฐานเครื่องปั้นดินเผาเครื่องมือเครื่องใช้ของคนในสมัย อยุธยา มีคลองเกลือเป็นลำคลองเข้าสู่ชุมชน วัดโบสถ์เป็นวัดสังกัดคณะธรรมยุตินิกาย มีพื้นที่ตั้งวัด 15 ไร่ 2 งาน 56 ตารางวา อาณาเขตทิศเหนือติดต่อกับที่เอกชน ทิศใต้ติดต่อกับที่ดินเอกชน ทิศตะวันตกติดต่อกับเอกชน ทิศตะวันออกติดต่อกับลำน้ำเจ้าพระยา พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ดอนมีพื้นที่ กว้างขวางทั้งด้านหน้าและด้านหลังวัดโดยทั่วไปมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ทั่วบริเวณวัด เช่น ต้นตะเพียน ต้นยางนา ต้นโพธิ์ โดยรอบวัดมีกอไผ่สีสุกขึ้นเป็นกอหนาแน่นเหมือนวัดตั้งอยู่ในป่า

              วัดโบสถ์สร้างในสมัยอยุธยาตอนกลาง พุทธศตวรรษที่ 21-22 โบสถ์เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนทรงไทยมุงด้วยกระเบื้องดินเผา หน้าบันประดับด้วยปูนปั้นลายเคลือบเถาประดับด้วยจาน กระเบื้องสี ภายในประดิษฐานพระประธานและพระลำดับ พระประธานปูนปั้นบนฐานชุกชีขนาดใหญ่สององค์ปางมารวิชัยมีพุทธลักษณะงดงามรูปแบบศิลปกรรมอยุธยายุคกลางที่นิยมศิลปะอย่างสมัยสุโขทัยพระพักษ์รูปไข่พระเมาลีทำเป็นพระเกตุมาลาเปลวเส้นพระสกขมวดเป็นก้นหอย พระขนงโก้งโค้งพระนาสิกโด่งชายสังฆาฏิติยาวปิดพระนาภี มีพลังแห่งความเมตตาและความสงบ ใบเสมาหินชนวนขนาดค่อนข้างใหญ่แกะสลักเป็นเส้นขอบรอบเสมา และรูปสามเหลี่ยมขนมเปียกปูน ตรงยอดเสมาและรูปสามเหลี่ยมตรงท้องเสมาเอวเสมาคอดเว้าเล็กน้อยไม่มีตัวเหงาด้านข้างเสมา ตั้งอยู่บนฐานบัวกลุ่ม ต่อมาอุโบสถทรุดโทรมผนังตามกาลเวลาในสมัยเจ้าอาวาสพระอธิการสำลี อคฺคิปทีโป จึงได้ทำการรื้อถอน และได้รวบรวมทรัพย์จากการบริจาคของพุทธศาสนิกชนทำการสร้างโบสถ์ใหม่ขึ้นบนฐานโบสถ์เดิมมีขนาดกว้าง 24 เมตร ยาว 44 เมตร และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2596 ด้านหน้าโบสถ์มีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ศิลปกรรมสมัยอยุธยา 3 องค์ ตรงกลาง 1 องค์ และด้านข้างละ 1 องค์ มีกุฏิเรือนไทย 6 หลัง หอสวดมนต์ ศาลาการเปรียญ หอระฆัง และศาลาท่าน้ำเป็นอาคารไม้ทั้งหมดซึ่งเป็นศิลปกรรมแบบไทยที่งดงาม

             โบราณวัตถุที่สำคัญในพุทธศาสนาของวัดโบสถ์ได้แก่ “ธรรมาสน์ยอดโดม” ที่มีรูปแบบเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใดสร้างในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ที่งดงามมีคุณค่า ฐานธรรมาสน์เป็นบัวคว่ำประกอบเป็นตู้ไม้สี่เหลี่ยม ด้านข้างเขียนภาพสีน้ำคติอย่างจีนแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์เป็นภาพของกินของใช้ ผนังจำหลักลายเคลือเถาลายดอกพุดตานทั้งสามด้าน หลังคาเป็นรูปทรงโดม เหลี่ยมแบบคอระฆังลายเกลียวเชือกและบังปากพานประดับยอดลายบัวจำหลักเขียนสีปิดทอง ด้านหลังพนักพิงมีจารึกข้อความชื่อผู้สร้าง จำนวนเงิน คำอุทิศถวายและปี พ.ศ. ในสมัยรัชกาลที่ 5 “ตู้พระไตรปิฎก” หรือ “ตู้พระธรรม” วัดโบสถ์มีขนาดใหญ่สมัยรัตนโกสินทร์ เป็นตู้ไม้สำหรับเก็บ ผูกใบลานเก็บคัมภีร์เป็นตู้ลายรดน้ำ ลงรักปิดทองเป็นตู้เท้าสิงห์มีประตูตู้สองบานมีลิ้นชักสองอัน ด้านหน้าด้านข้างทั้งสองเป็นลายไทยลายกนกเปลวเรื่องพุทธประวัติและเรื่องรามเกียรติ นับว่าเป็นตู้พระธรรมที่มีขนาดใหญ่และมีลวดลายที่สวยงามแห่งหนึ่ง วัดโบสถ์เป็นวัดที่ส่งเสริมการศึกษาของ ชาติโดยจัดตั้งโรงเรียนประชาบาลขึ้นโดยใช้ศาลาการเปรียญของวัดโบสถ์เป็นสถานที่เรียนสังกัด กระทรวงศึกษาโดยมี "ครูจรูญ พงษ์นาค ครูทองเติม วงศ์ศุปไทย ครูละม่อม ดอกไม้ ครูจำปี ปั้นเงิน" เป็นคณะครูที่ทำการสอนในยุคสมัยนั้น เจ้าอาวาสที่บริหารดูแลปกครองวัดโบสถ์ทำลำดับสืบต่อมาถึงปัจจุบันมีหลักฐานปรากฏอยู่ 7 รูป

1) พระอธิการสำลี อคฺคิปทีโป พ.ศ. 2444 พ.ศ. 2506 ท่านเป็นพระสายธรรมยุติที่ปฏิบัติเคร่งครัดมาก ท่านส่งเสริมการศึกษาทั้งทางโลกคือจัดตั้งโรงเรียนประชาบาลทางธรรมเปิดสอนพระปริยัติธรรมและเป็น “พระหมอ” ปรุงยาสมุนไพรช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับชาวบ้าน และปลูกพืชสมุนไพรไว้ให้ประชาชนได้เก็บไปรักษาโรคโดยรอบวัด

2) พระอธิการผล อรินทโม พ.ศ. 2506 - พ.ศ. 2508 ท่านเป็นพระน้องชายของพระอธิการสำลีเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมาด้วยพรรษาที่มากและสุขภาพที่ไม่ดีจึงเป็นช่วงเวลาสั้นๆ

3) พระอธิการเพิ่ม สุวฆฺโฒ พ.ศ. 2508 - พ.ศ. 2512 ท่านเป็นพระที่อุบาสก อุบาสิกา นิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสมาจากวัด “สัมพันธวงศ์” กรุงเทพฯ ท่านเป็นพระนักปฏิบัติยุคสมัยของท่าน จึงเรียบง่ายสงบ

4) พระอธิการเด็ก วิริยธโร พ.ศ. 2512 - พ.ศ. 2515 ในสมัยของท่านได้พัฒนาโดยตัดต้นไม้ใหญ่ลงไปเป็นอันมาก เช่น ต้นพิกุล ต้นโพธิ์ ต้นมะขามป้อม ต้นตาล มีการก่อสร้างหอระฆัง สะพานข้ามคลองวัด สะพานเชื่อมต่อจากศาลาการเปรียญไปยังโบสถ์ เป็นคอนกรีต

5) พระกุหลาบ (รักษาการ) พ.ศ. 2515 - พ.ศ. 2518 เป็นพระที่มีภูมิลำเนาอยู่ในตำบลบางกระบือท่านเป็นพระที่สมถะสำรวม

6) พระครูจิตตสังวรคุณ พ.ศ. 2508 – พ.ศ. 25 โดยทั่วไป จะเรียกท่านว่า "อาจารย์ ฟ้อน" เดิมท่านเป็นพระอยู่ที่ “วัดปัญจทายิกาวาส” ตำบลบึงคำพร้อย อำเภอลำลูกกา ในยุคสมัยของท่านได้พัฒนาก่อสร้าง "เมรุ” ซึ่งเดิมเป็นเชิงตะกอนเผาศพในที่โล่งแจ้งไม่สะดวกและมีปัญหามากในฤดูฝน ก่อสร้างแล้วเสร็จใช้งานได้จนถึงปัจจุบันนี้ สร้างศาลาหอสวดมนต์เป็นคอนกรีตแทนศาลาไม้ซึ่งชำรุดจนแล้วเสร็จ สร้าง “กุฏิสงฆ์" จากเดิมเป็นอาคารไม้เป็นคอนกรีตทั้งหมด สร้าง “ศาลาการเปรียญ” หลังใหม่ทางด้านทิศเหนือของวัดเป็นคอนกรีตทรงไทยใต้ถุนสูงแต่ยังไม่แล้วเสร็จ จัดรางวัดสอบเขตพื้นที่วัดโดยรอบ โดยใช้เครื่องจักรรถไถเกรดกอไผ่โดยรอบวัดเป็นพื้นที่ให้โล่งปรับถมดินพื้นที่ลุ่มหลังวัด ถมคลองวัด สระน้ำ ปลูกต้นไม้รางวัดพื้นที่ออกโฉนด ปักหลักเขตโดยรอบพื้นที่วัด

7) พระราชวรเมธาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ฝ่ายธรรมยุต

                   บริเวณลานธรรมหลวงพ่อโต มีวิหารคตล้อมสร้างในรูปแบบสมัยใหม่ ในวาระเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 80 พรรษา เมื่อ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2550 และรอบๆ นั้นยังมีศาลต่างๆ ที่ประดิษฐานหลวงพ่อเหลือพระพุทธรูปสมัยอยุธยาตอนต้น          สร้างด้วยศิลาทรายปางมารวิชัย ปิดทองคำเปลวทั้งองค์ หลวงพ่อเหลือองค์นี้เป็นพระ    เก่าแก่องค์หนึ่งในเก่า ซึ่งมีทั้งหมด 12 องค์ แต่ทุกองค์ถูกโจรใจบาปลักลอบตัดเศียรไป เหลือเพียงองค์เดียวที่ไม่ได้ถูกโจรกรรม ผู้คนจึงเรียกว่า หลวงพ่อเหลือ ทางวัดได้นำมาเก็บ  รักษาไว้และต่อมา ก็ได้นำมาให้ผู้คนสักการบูชาถือเป็นพระพุทธรูปสำคัญของวัด และยังมี         ศาลาโดยรอบที่ประดิษฐานองจตุคามรามเทพ ศาลาพระสีวลี

                    อุโบสถวัดโบสถ์สร้างใหม่เมื่อราว 50 ปีมานี้ บนพื้นที่อุโบสถเดิมซึ่งทรุดโทรมพังทลายลง ลักษณะอาคารเป็นทรงไทย ประดับตกแต่งด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ตามแบบอยุธยา แต่ที่ผนังภายนอกด้านหน้าเขียนภาพพุทธประวัติ ตอนเสด็จลงจากดาวดึง

                    บริเวณริมน้ำมีแพสำหรับให้อาหารปลาและก็มีสายพันธ์มากมายเลยที่เดียว แถมยังเป็นจุดชมวิวที่สวยอีกจุดหนึ่งด้วย  บริเวณโดยรอบมีซุ้มอาหารและร้านขายของกินและ     ของที่ระลึกมากมาย จากฝีมือชาวบ้านท้องถิ่นที่รสชาติอร่อย 

ที่มา (รักษ์วัด, ผู้จัดทำวิจัย, 2562)

สถานการณ์สิ่งแวดล้อม

-

แก้ไขเมื่อ

2024-10-11

ข้อมูลสถิติ
หน่วยอนุรักษ์ฯ
ภาพประจำแหล่งศิลปกรรม
แผนงานและโครงการ
การเสนอแผนงานโครงการ
ปี แผนงาน ชื่อโครงการ รายละเอียด งบประมาณ เอกสาร สถานะ
รายงานผลการดำเนินงานตามแผนงานโครงการ
ปี แผนงาน ชื่อโครงการ งบประมาณ วันที่รายงาน เอกสาร