วัดบางแคใหญ่


ละติจูด 13.4298259901 , ลองจิจูด 99.9457527823

พิกัด

ตำบลแควอ้อม อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ตำบลแควอ้อม อำเภออำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม รหัสไปรษณีย์ 75110

ประเภทแหล่งศิลปกรรมฯ

วัด วัดร้าง ศาสนสถาน

ความสำคัญ/ลักษณะ

วัดบางแคใหญ่ เป็นวัดที่มีความสำคัญในด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และโบราณวัตถุ ด้วยเป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ ในสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ (แสง วงศาโรจน์)  สมุหพระกลาโหม จึงทำให้ปรากฏศิลปกรรมแขนงต่างๆ อันทรงคุณค่าอาทิเช่น พระอุโบสถ พระพุทธรูปที่ประดิษฐานรอบระเบียงคต พระเจดีย์ ใบเสมา กุฎิสงฆ์และหอพระไตรปิฎก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพจิตกรรมฝาผนังที่ปรากฏบนกุฎิสงฆ์และที่หอพระไตรปิฎก แสดงให้เห็นถึงคุณค่าความงามทางสุนทรียภาพ อีกทั้งยังบอกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ การเมือง สภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี

ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในละแวกวัดและท่านพระครูโฆสิตสุตคุณ (กอน โฆสโก) อดีตเจ้าอาวาส และอดีตเจ้าคณะอำเภออัมพวา ซึ่งเกิดที่บ้านนี้ กล่าวว่า วัดนี้เจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ (แสง วงศาโรจน์) สร้างให้กับภรรยาหลวงของท่าน จึงได้ชื่อว่าวัดบางแคใหญ่ นอกจากนี้ท่านได้สร้างวัดบางแคน้อยซึ่งอยู่ไม่ไกลให้กับภรรยาน้อยด้วย ภายหลังได้มีวัดบางแคกลางอีก แต่มิได้เกี่ยวข้องกับสองวัดแรกแต่อย่างใด  ส่วนหลักฐานทางประวัติศาสตร์โบราณคดี ปรากฏที่ผนังภายใน ด้านหน้าอุโบสถมีจารึกบนแผ่นหินชนวนเป็นตัวอักษรไทย ถอดความได้ว่า “ วันอาทิตย์ เดือนห้า ขึ้นค่ำหนึ่ง จุลศักราช 1713 (ปี พ.ศ. 2354) ปีมะแม ตรีศก เจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์  ผู้ว่าสมุหพระกลาโหม ได้สร้างพระอารามนี้แล้ว ณ วัดศุกร์ เดือนสิบ แรมสิบค่ำ พุทธศักราชล่วงแล้วได้ 2357 ปีจอ ฉอศก คือเจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ ได้สร้างวัดนี้เมื่อ พ.ศ. 2357 ซึ่งตรงกับช่วงต้นแผ่นดินรัชกาลที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี

 

สถานการณ์สิ่งแวดล้อม

วัดบางแคใหญ่  จัดเป็นวัดท่องเที่ยววัดหนึ่งในจังหวัดสมุทรสงครามมีภูมิประเทศ ที่มีน้ำโอบล้อมโดยมีคลองบางแคผ่านทางทิศตะวันออก คลองเมรุทางทิศเหนือ และคลองบางลี่ทางทิศใต้ หากใครล่องเรือผ่านหน้าวัดก็จะเห็นเจดีย์ทรงกลมสีขาวตั้งโดดเด่นอยู่ริมน้ำ  ถัดเข้าไปจะเห็นอุโบสถหลังใหม่ที่กำลังก่อสร้าง ในอนาคตฝาผนังของอุโบสถนี้จะตกแต่งด้วยภาพแกะสลักเรื่องรามเกียรติ์ เดินลึกเข้าไปอีกก็จะเป็นเขตพุทธาวาสเดิม ทางวัดจัดไว้สำหรับเป็นพื้นที่ทำบุญเหมือนวัดทั่วไป  เมื่อเข้ามาถึงด้านในแล้วเราก็จะเห็นเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ที่มีลักษณะเก่าและดูโบราณ​มีมนต์ขลังมาก​ อยู่ทางด้านหน้าอุโบสถมองไปคล้ายกับจังหวัดอยุธยา  โดยพระอุโบสถหลังนี้มีระเบียงวิหารคตและพระพุทธรูปรอบอุโบสถ​

พระพุทธรูปรอบวิหารคต

เป็นพระพุทธรูปหินทรายแดงเรียงรายรอบระเบียง นิ้วพระหัตถ์กางแบบปาละ หน้าพระเป็นรูปไข่แบบอู่ทองหน้านาง เป็นประติมากรรมสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา แสดงว่าอาจจะนำมาจากที่อื่นหรือเป็นของเก่าแก่ดั้งเดิมของวัด อย่างใดอย่างหนึ่งล่วงมาในสมัยอยุธยาหรือรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีการเอาปูนมาปั้นพอกพระศิลาทรายแดงไว้ บางองค์ก็ทำทรงเครื่อง

พระอุโบสถ

มีความเก่าแก่อายุกว่าสองร้อยปี เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง  มีเสารับโครงหลังคาด้านหน้าและด้านหลังฝั่งละ 4 ต้น แต่ละเสาประดับบัวหัวเสา  หน้าบันไม้แกะสลัก ซุ้มประตูหน้าต่างตกแต่งด้วยลายปูนปั้นผนังด้านหน้าเขียนภาพพระพุทธฉายขนาดใหญ่
ในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานลักษณะปางมารวิชัยที่ปั้นด้วยศิลาแลง นั่นก็คือหลวงพ่อศรีสมุทรพุทธโคดม และมีพระอัครสาวกอยู่ทั้งด้านซ้ายขวา

ใบเสมาหินทรายแดงรอบอุโบสถ

ใบเสมาคู่ขนาดเล็กทำจากหินทรายแดง เป็นแบบเดียวกับวัดหลวงพ่อบ้านแหลม และวัดโบราณสมัยอยุธยาตอนปลายในเขตจังหวัดสมุทรสงครามโดยทั่วไป บ่งว่ามีการปฏิสังขรณ์ให้เป็นวัดขึ้นมาใหม่สมัยอยุธยาตอนปลาย

เจดีย์เหลี่ยมย่อมุมสิบสองหน้าอุโบสถ

ด้านหน้าจะมีเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมสิบสอง อยู่บนลานหน้าพระอุโบสถที่มีพระระเบียงล้อมรอบซึ่งเป็นศิลปะแบบปาละ สันนิษฐานว่าอยู่ในสมัยพระเพทราชา กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย และธรรมเจดีย์ 7 องค์ ที่สร้างขึ้นในปีพ.ศ.2405 รวมถึงกำแพงแก้วที่อยู่ล้อมรอบเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมสิบสองนี้เป็นแบบสมัยพระนารายณ์ หรือพระเพทราชา

ภาพจิตรกรรมฝาผนังในกุฎีสงฆ์และหอพระไตรปิฎก

          เป็นงานจิตรกรรมสีฝุ่นผสมกาวลงบนพื้นไม้สัก กุฏิสงฆ์เดิมเป็นเรือนไทยยกพื้นเตี้ยๆ ซึ่งกล่าวกันว่า กุฎิสงฆ์นี้เดิมเป็นบ้านเรือนไม้ของเจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์และได้ถวายให้เป็นกุฎิสงฆ์ ภายหลังวัดได้รื้อแล้วสร้างขึ้นใหม่ โดยสร้างเป็นกุฏิสองชั้นโดยยังคงลักษณะเหมือนเดิม ชั้นล่างก่ออิฐถือปูน ชั้นบนเป็นอาคารไม้ทรงไทยหลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ช่อฟ้าใบระกาปูนปั้นประดับกระจก หน้าบันรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ปัจจุบันชั้นบนได้ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก ภาพจิตรกรรมจะปรากฏอยู่ที่ฝาประจันไม้กั้นห้อง เป็นงานจิตรกรรมสีฝุ่นผสมกาวลงบนพื้นไม้สัก เป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่ โดยเขียนด้วยสีฝุ่นผสมกาวเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการสู้รบของไทย–พม่า คาดว่าน่าจะเป็นเมื่อครั้งที่ ร.2 โปรดให้ไปขัดตาทัพที่จังหวัดราชบุรี ในพ.ศ. 2364

หอพระไตรปิฎก อยู่ด้านข้างกุฎิสงฆ์ เป็นหอพระไตรปิฎกขนาดเล็กสองชั้น ชั้นบนมีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันทรงคุณค่าที่มีความงดงามแสดงถึงฝีมือในเชิงช่างชั้นครู ภาพจิตกรรมดังกล่าวใช้เทคนิควิธีการเขียนชั้นสูง ทั้งยังเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบประเพณีโบราณที่มีการเขียนบนฝาไม้ นอกจากนี้ยังมีการผสมผสานอิทธิพลของศิลปะจีนด้วย จึงสันนิษฐานได้ว่าน่าจะเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งเป็นยุคทองของงานจิตรกรรมที่รุ่งเรื่องถึงขีดสุด

          นอกจากนี้ยังมีหอระฆังที่อยู่ตรงซุ้มประตูระเบียงคตด้านข้างพระอุโบสถ ด้านขวาของหอระฆังจะเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์เจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ สมุหพระกลาโหม ผู้สร้างวัดแห่งนี้

แก้ไขเมื่อ

2023-07-04

ข้อมูลสถิติ
หน่วยอนุรักษ์ฯ
ภาพประจำแหล่งศิลปกรรม
แผนงานและโครงการ
การเสนอแผนงานโครงการ
ปี แผนงาน ชื่อโครงการ รายละเอียด งบประมาณ เอกสาร สถานะ
รายงานผลการดำเนินงานตามแผนงานโครงการ
ปี แผนงาน ชื่อโครงการ งบประมาณ วันที่รายงาน เอกสาร