จวนผู้ว่าราชการอุตรดิตถ์ (หลังเก่า)


ละติจูด 17.626898 , ลองจิจูด 100.099013

พิกัด

ถนน ประชานิมิตร ตำบล ท่าอิฐ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ อุตรดิตถ์ 53000 ตำบลท่าอิฐ อำเภออำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ รหัสไปรษณีย์ 53000

ประเภทแหล่งศิลปกรรมฯ

พิพิธภัณฑ์ สถาปัตยกรรม พระราชวัง

ความสำคัญ/ลักษณะ

จวนผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ (หลังเก่า) สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 (ประมาณปี พ.ศ. 2442-2458) ทรงโปรดเกล้าให้ตั้งเมืองอุตรดิตถ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2494 สมัยนายเที่ยง บุญยนิตย์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้มีการบูรณะซ่อมแซมเป็นครั้งแรก ลักษณะเป็นอาคารไม้ 2 ชั้นทรงปั้นหยาทาสีเขียวอ่อน หลังคามุงกระเบื้องลูกฟูก ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับจวนผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ (หลังใหม่)

ความนิยมในการสร้างอาคารแบบตะวันตก เริ่มต้นมาจาก สมัยรัชการที่ 4 ในช่วงของสมัยรัชกาลที่ 4 สภาพบ้านเมืองในสยามเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก เพราะมีชาวต่างชาติเริ่มเข้ามายังในสยาม ซึ่งเป็นผลพวงมาจากสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่มีการทำสนธิสัญญาในการค้าขายระหว่างประเทศ ทั้งยังมีการเชิญชาวต่างชาติมาเป็นครูสอนให้กับเชื้อพระวงศ์ ทำให้มีชาวต่างชาติเข้ามาในสยามมากยิ่งขึ้นซึ่งเป็นชนชั้นนำ โดยสถาปัตยกรรมในสมัยรัชกาลที่ 4 ที่เห็นได้เด่นชัดมากที่สุด คือพระที่นั่งอนันตสมาคมในหมู่พระอภินานิเวศน์ พระนครคีรี พระราชวังฤดูร้อนในสมัยรัชกาลที่ 4 พระราชวังจันทรเกษม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นต้น

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ยังคงส่งดำเนินตามแนวพระราโชบายของรัชกาลที่ 4 ซึ่งมีการติดต่อกับประเทศทางตะวันตก เพื่อให้สยามมีความเจริญทัดเทียมกับประเทศมหาอำนาจทางตะวันตกมากยิ่งขึ้น เสด็จประพาสไปยังประเทศตะวันตกเพื่อสานสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงภัยคุกคามจากประเทศมหาอำนาจ ที่มีการล่าอาณานิคมในยุคนั้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งในด้านทางวัฒนธรรม การศึกษา รวมทั้งสถาปัตยกรรม ที่ได้รับอิทธิพลทางตะวันตกมากยิ่งขึ้น งานสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลในสยามเป็นการสื่อทางกายภาพให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงจากประเทศสยามให้เป็นประเทศที่มีอารยธรรมเทียบเท่ากับประเทศตะวันตกแสดงถึงความศิวิไลของประเทศให้สู่สายตาของชาวโลก ที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุด คือพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ที่หลายๆคนเรียกกันว่า ฝรั่งสวมชฎา พระที่นั่งวิมานเมฆ ในพระราชวังดุสิต พระตำหนัก 9 ห้องในพระราชวังบางปะอิน

เรือนทรงปั้นหยาได้รูปแบบมาจากเรือนที่รับอิทธิพลแบบวิคตอเรียน (Victorian Style) หรือสากลนิยม ได้เรียกเรือนคล้ายกันนี้ที่สร้างอยู่ในประเทศอาณานิคมของอังกฤษและฝรั่งเศสทั้งหลายว่า โคโลเนียลสไตล์ (Colonial Style) หรือแบบทรงอิทธิพลตะวันตก เรือนปั้นหยาเป็นเรือนไม้แบบยุโรปมุง หลังคาด้วยกระเบื้องโดยหลังคาทุกด้านชนกันแบบพีระมิดไม่มีหน้าจั่ว เน้นความสมมาตรไม่เน้นการตกแต่งซึ่งต่างจากเรือขนมปังขิงที่มีหน้าจั่วเน้นการตกแตงด้วยไม้ฉลุลาย
            การเข้ามาของชาวตะวันตก และความนิยมของชนชั้นนำของประเทศ ทำให้มีความนิยมในการสร้างอาคารแบบสไตล์ยุโรปมากยิ่งขึ้นผ่านการนำเข้าในรูปแบบ มิชชันนารี พ่อค้าไม้ชาวอังกฤษ และข้าหลวงจากกรุงเทพฯ ทำให้เกิดความแพร่หลายไปยังหมู่ประชาชนที่มีความนิยมในการสร้างตึกรามบ้านช่อง เป็นลักษณะของตะวันตก

ในจังหวัดอุตรดิตถ์ มีอาคารที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนมากนั้นจะสร้างขึ้นจากไม้ ซึ่งเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายในพื้นที่ ทั้งยังเป็นเขตอุตสาหกรรมการค้าไม้ของทางภาคเหนือ จึงมีการนำไม้ที่เป็นทรัพยากรที่มีจำนวนมากในท้องถิ่นนำมาสร้างอาคารแบบตะวันตก อาคารไม้โบราณ สถาปัตยกรรมไทย อายุมากกว่า 100 ปี ในสมัยที่จังหวัดอุตรดิตถ์มีความเจริญรุ่งเรือง มีการทำมาค้าขายทั้งทางบกและทางน้ำ เป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในเขตภาคเหนือ มีประชากรทุกเสาร์อาทิตย์ทำมาค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้า ทำให้เกิดความเจริญหลากหลายจนถึงปัจจุบัน ในยุคแห่งความเจริญนั้น ได้มีพ่อค้าก็คหบดีเกิดขึ้นมากมาย มีส่วนช่วยทำให้เกิดการปกครองอย่างมีระเบียบแบบแผน และต่างก็ได้รับการแต่งตั้งยศถาบรรดาศักดิ์ให้เป็นขุนนาง เป็นข้าหลวง ทำหน้าที่ดูแลการปกครองต่างพระเนตรพระกัณฑ์ของพระเจ้าอยู่หัว เช่น จวนผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์หลังเก่า หอวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์

หลังจากที่ได้มีการโปรดเกล้าให้ตั้งเมืองอุตรดิตถ์ขึ้น ได้มีการสร้างจวนผู้ว่าราชการอุตรดิตถ์ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 สร้างขึ้นในสมัย พระยาวิเศษฤๅชัย (หม่อมหลวงเจริญ อิศรางกูร) ประมาณปีพุทธศักราช 2469 ถึง 2471 ต่อมาในปี พ.ศ. 2494 ตรงกับ ขุนจรรยาวิเศษ (เที่ยง บุญยนิตย์) ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้มีการบูรณะซ่อมแซมเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2501 ตรงกับ นายสง่า ศุขรัตน์ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้รับงบประมาณในการซ่อมแซมจากกระทรวงมหาดไทย จำนวน 150,000 บาท เพื่อเตรียมรับเสด็จฯ และต่อมาในปี พ.ศ. 2534 ตรงกับนายชัยวัฒน์ อรุโณทัยวิวัฒน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้มีการซ่อมแซมตัวอาคารบางส่วน เพื่อเตรียมพื้นที่รับเสด็จฯ และเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2535  สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ขณะนั้นยังทรงดำรงพระอิสริยยศที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารสำนักงานเหล่ากาชาดอุตรดิตถ์ และเยี่ยมจวนผู้ว่าราชการจังหวัด

จวนผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ (หลังเก่า) เป็นอาคารไม้ทรงปั้นหยาหลังคามุงกระเบื้องปูนซีเมนต์ พื้นและฝ้าเป็นไม้เนื้อแข็ง ทาสีเขียวอ่อนกว้าง 6 วา ยาว 12 วา เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น ลักษณะการสร้างแบบ Colonial Style ที่ไทยเรียกว่า อาคารทรงปั้นหยา ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 5  คำว่า “จวน” ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554  มีความหมายว่า ที่อยู่ของเจ้าเมือง, บ้านที่ทางราชการจัดให้เป็นที่อยู่ของผู้ว่าราชการจังหวัด เรียกว่า จวนผู้ว่าราชการจังหวัด จากหนังสือศิลปวัฒนธรรมฉบับพิเศษ เรื่องเทศาภิบาล ในพระราชนิพนธ์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้กล่าวว่า "เจ้าเมืองตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ไหนก็ว่าราชการบ้านเมืองที่บ้านของตน เหมือนอย่างเสนาบดีเจ้ากระทรวงในราชธานีว่าราชการที่บ้านตามประเพณีเดิม บ้านเจ้าเมืองผิดกับบ้านของคนอื่นเพียงที่เรียกกันว่า "จวน" เพราะมีศาลาโถงปลูกไว้นอกรั้วข้างหน้าบ้านหลังหนึ่ง เรียกว่า  "ศาลากลาง" เป็นที่สำหรับประชุมกรมการเวลามีงาน เช่น รับท้องตราหรือปรึกษาราชการ เป็นต้น

สถานการณ์สิ่งแวดล้อม

จวนผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ (หลังเดิม) ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งศิลปกรรม โดยในอดีตเคยมีการใช้ในการจัดงานต่าง ๆ แต่ปัจจุบันอยู่ในสภาพทรุดโทรม จึงมีแนวคิดในการปรับปรุงอาคารจวนผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ (หลังเดิม) ให้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อการเรียนรู้ประวัติศาสตร์การบริหารราชการแผนดินเพื่อความผาสุกของชาวเมืองอุตรดิตถ์ ในสมัยตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทรถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
โดยการทำเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อการเรียนรู้ประวัติศาสตร์การบริหารราชการแผ่นดินเพื่อความผาสุกของชาวเมืองอุตรดิตถ์ การสร้างความตระหนักรู้ถึงพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกพระองค์ ที่นำมาสู่การพัฒนาเมืองอุตรดิตถ์  การสร้างการรับรู้ถึงบทบาทหน้าที่และความสำคัญของผู้ว่าราชการจังหวัดในการนำนโยบายจากส่วนกลางมาพัฒนาจังหวัด ตลอดจนเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งทำกิจกรรมร่วมกันของชาวอุตรดิตถ์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ “รู้คุณค่า-รักษา-ท้องถิ่น” หรือพื้นที่ศูนย์เรียนรู้สร้างสรรค์ของจังหวัด โดยได้มีการจัดทำประวัติความเป็นมาของจวนผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมีเป้าหมายคือ เยาวชนนักเรียนนักศึกษา และ ประชาชนชาวอุตรดิตถ์ ทุกเพศทุกวัย  ข้าราชการและข้าราชการการเมือง ผู้บริหารส่วนกลางและท้องถิ่นของจังหวัด ตลอดจนนักทองเที่ยว

แก้ไขเมื่อ

2025-10-01

ข้อมูลสถิติ
หน่วยอนุรักษ์ฯ
ภาพประจำแหล่งศิลปกรรม
แผนงานและโครงการ
การเสนอแผนงานโครงการ
ปี แผนงาน ชื่อโครงการ รายละเอียด งบประมาณ เอกสาร สถานะ
รายงานผลการดำเนินงานตามแผนงานโครงการ
ปี แผนงาน ชื่อโครงการ งบประมาณ วันที่รายงาน เอกสาร