แหล่งศิลปกรรมย่านชุมชนเก่า อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ : วัดเกยไชยเหนือ


ละติจูด 15.869529 , ลองจิจูด 100.263275

พิกัด

วัดเกยไชยเหนือ ตำบลเกยไชย อำเภออำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ รหัสไปรษณีย์ 60120

ประเภทแหล่งศิลปกรรมฯ

ย่านชุมชนเก่า

ความสำคัญ/ลักษณะ

วัดเกยไชยเหนือ ตั้งอยู่เลขที่หมู่ที่ 4 ตำบลเกยไชย วัดแห่งนี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย ประมาณ พ.ศ. 1906 – 1912 (เป็นเวลามากกว่า 655 ปีที่ผ่านมา) ซึ่งปรากฏหลักฐานสำคัญ คือ พระบรมธาตุเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ แบบลังกาฐานแปดเหลี่ยม ไม่ทำเสาหาน และยังพบหลักฐานสำคัญอีกหนึ่งอย่าง คือ ใบเสมาคู่ ลายเทพนม และลายดอกไม้ที่ทำจากหินชนวน เป็นต้น

เดิมวัดแห่งนี้เรียกว่า วัดพระบรมธาตุ ดังปรากฏในเอกสารตรวจการคณะสงฆ์ มณฑลฝ่ายเหนือ พ.ศ. 2457 เมื่อครั้งสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า เสด็จเยี่ยมวัดแห่งนี้ ดังปรากฏข้อความว่า “เช้าเกือบ 3 โมง เรือเคลื่อนจากทำนบหน้าวัดชุมแสง ล่องลงมาตามลำน้ำน่าน มีเรือราษฎรราว 10 ลำเศษ เลี้ยวเข้าไปในลำน้ำยมอันแยกจากลำน้ำน่าน เข้าไปราวเส้นหนึ่ง ถึงวัดพระบรมธาตุ เรือพระที่นั่งหยุดทอดหน้าวัดเสด็จขึ้นทอดพระเนตร วัดนี้มีโบสถ์ก่อใบสีมาใช้หินสลักเป็นลายต่าง ๆ เช่น ลายเทพนมบ้าง ลายดอกไม้บ้าง มีเจดีย์ รูปกลมสูงราว 3 วาเศษอยู่องค์หนึ่ง ฐานแปดเหลี่ยม ซึ่งหมายเอาว่าเป็นที่บรรจุพระบรมธาตุ ทราบว่าถึงหน้าเทศกาล ชาวบ้านประชุมนมัสการเป็นงานปี แล้วทรงประทานของแจกแก่พระสงฆ์ เจ้าอาวาสและราษฎรผู้มาคอยเฝ้าอยู่ แล้วเสด็จกลับลงเรือพระที่นั่ง”ต่อมาใน พ.ศ. 2460 วัดพระบรมธาตุ ได้เปลี่ยนชื่อวัดใหม่ตามการปกครองของบ้านเมือง โดยใช้ชื่อว่า “วัดเกยไชยเหนือ (บรมธาตุ)” จากนั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

จากหลักฐานที่กล่าวมาข้างต้น วัดแห่งนี้จึงเป็นวัดที่มีหลักฐานมั่นคง มีปูชนียวัตถุสำคัญที่สาธุชนและประชาชนโดยทั่วไปได้กราบไหว้ และเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระสังฆราชเจ้าในสมัยนั้นเสด็จมานมัสการและเยี่ยมประชาชน ประวัติการปฏิสังขรณ์หรือการก่อสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ ไม่ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษร มีแต่คำบอกเล่าของชาววัดสืบต่อกันมา ว่าการปฏิสังขรณ์หรือการสร้างพระบรมธาตุเจดีย์แห่งนี้ มีความสัมพันธ์กับการสร้างวัดโพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ในสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือ สมเด็จพระเจ้าเสือแห่งกรุงศรีอยุธยา พระราชวงศ์บ้านพลูหลวง (พ.ศ. 2246 – 2251) และพระราชพงศาวดารของกรุงศรีอยุธยา ระบุว่า พระเจ้าเสือ ประสูติ ณ บ้านโพธิ์ประทับช้าง แขวงเมืองพิจิตร เมื่อครั้งพระเพทราชา (พระบิดา) พาพระมารดา (นางกุลธิดา ราชธิดาของพระเจ้าเชียงใหม่) ซึ่งมีพระครรภ์แก่ตามเสด็จสมเด็จพระนารายณ์มานมัสการพระพุทธชินราช ณ เมืองพิษณุโลก เมื่อพระเจ้าเสือเสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงระลึกถึงที่ประสูติตามคำพระมารดาตรัสเล่า จึงโปรดให้สมุหนายกเกณฑ์ผู้คนลำเลียงสิ่งของ เช่น อิฐ ปูนขาว กาวหนัง เชือก ฯลฯ บรรทุกเรือมาก่อสร้างวัด ณ บริเวณดังกล่าว ใช้เวลาประมาณสองปีเศษ จึงแล้วเสร็จสิ้น

บ้านเกยไชย มีปรากฏชื่ออีกครั้งในสมัย พระเจ้าตากสิน เมื่อครั้งเสด็จมาปราบชุมนุมพิษณุโลกหลักฐานระบุว่า กองทัพหลวงพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้ง ณ ตำบลเกยชัย (คำว่า “ชัย” สะกดตามหลักฐาน ในพระราชพงศาวดาร) กองทัพธนบุรีปะทะกองทัพพิษณุโลกในครั้งนั้น พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงได้รับบาดเจ็บที่พระชงฆ์ (หน้าแข้ง) เพราะต้องปืนจึงถอยทัพ กลับไปก่อน

จากหลักฐานที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้เชื่อได้ว่า วัดแห่งนี้มีอยู่มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สมัยสุโขทัย สมัยอยุธยา ตราบจนกระทั่งสมเด็จพระสังฆราชเจ้าเสด็จมามนัสการพระบรมธาตุ นอกจากนี้ เมื่อครั้งสมัยรัชกาลที่ 5 เกยไชยมีฐานะเป็นอำเภอภายหลังจากอำเภอพันลานเปลี่ยนไปเป็นตำบลแล้ว ซึ่งอำเภอเกยไชยตามพระราชกิจจานุเบกษา เล่ม 20 หน้า 498 ลงวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2446 (ร.ศ. 122) โดยขณะนั้นมีหลวงผดุงแดนสวรรค์ เป็นนายอำเภอ ซึ่งเป็นเครื่องแสดงถึงความเจริญรุ่งเรือง เมื่อมีการย้ายอำเภอไปที่ชุมแสง ฐานะของเกยไชยจึงเปลี่ยนไปเป็นตำบล ในขณะที่ชุมแสงได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอมาจนถึงปัจจุบัน

จากคำบอกเล่าของพระครูนิทานธรรมประนาท (เที่ยง ปหฏฺโฐ) อดีตเจ้าอาวาสวัดเกยไชยเหนือ ระบุว่า เมื่อ พ.ศ. 2513 สมัยพระครูนิรภัยวิเทต (หลวงพ่อทองอยู่) ได้พาชาวบ้านทำการบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระบรมธาตุเจดีย์ ได้พบว่ายอดพระเจดีย์ประดับด้วยขันลงหิน 5 ใบคว่ำ ประกอบกันเป็นตุ้ม ครั้งนั้น ได้พบพระธาตุสีแดง มีลักษณะ เป็นแก้วผลึกใส มีขนาดยาว 1 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร 1 องค์ รูปพรรณสัณฐานคล้ายคลึงกับพระบรมธาตุขององคุลีมาล เข้าใจว่าองค์พระบรมธาตุเจดีย์คงบรรจุไว้ทั้ง พระบรมธาตุ และพระธาตุของพระสาวก

อดีตเจ้าอาวาสยังเล่าให้ฟังอีกว่า ครั้งหนึ่งเมื่อ พ.ศ. 2533 ในระหว่าง งานผูกสีมา – ฝังลูกนิมิตอุโบสถ หลังใหม่ ได้เกิดปรากฏการณ์ประหลาด มีน้ำเดือดผุดเกิดขึ้น ณ บริเวณท่าน้ำหน้าพระบรมธาตุ เป็นเวลาประมาณ 2 – 3 วัน แล้วหายไป ชาวบ้านพากันมาดูมากมายต่างเชื่อกันว่าเป็นการแสดงปาฏิหาริย์ของพระบรมธาตุ ความศักดิ์สิทธิ์ของพระบรมธาตุเป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนทั่วไปงานสมโภชพระบรมธาตุมีสืบเนื่องมาโดยตลอด จัดเป็นประจำทุก ๆ ปี ปีละ 2 ครั้ง ครั้งแรก เป็นงานปิดทองไหว้พระ ห่มผ้าองค์หลวงพ่อพระบรมธาตุ และเทศกาล กินตาล ในวันขึ้น 14 – 15 ค่ำ เดือน 5 และครั้งที่สอง จัดขึ้นในวันแรม 1 – 2 ค่ำ เดือน 11 เป็นงานปิดทอง องค์พระบรมธาตุ และงานแข่งขันเรือประเพณี

สถานการณ์สิ่งแวดล้อม

-

แก้ไขเมื่อ

2022-08-01

ข้อมูลสถิติ
หน่วยอนุรักษ์ฯ
ภาพประจำแหล่งศิลปกรรม
แผนงานและโครงการ
การเสนอแผนงานโครงการ
ปี แผนงาน ชื่อโครงการ รายละเอียด งบประมาณ เอกสาร สถานะ
รายงานผลการดำเนินงานตามแผนงานโครงการ
ปี แผนงาน ชื่อโครงการ งบประมาณ วันที่รายงาน เอกสาร